เกมนี้เต็มไปด้วยความดุเดือด เร้าใจ และมีใบแดงถึง 3 ใบ โดยแบ่งให้ผู้เล่นทั้งสองฝั่ง และ อันเดร์ เอร์เรร่า มิดฟิลด์ของโบคาที่โดนไล่ออกจากม้านั่งสำรอง โบคาเล่นได้ยอดเยี่ยมในครึ่งแรก ได้สองประตูจาก มิเกล เมเรนเทียล และ โรดริโก บัตตาย่า ท่ามกลางเสียงเชียร์เร้าใจจากแฟนบอลที่ยึดครองสนามราวกับเป็น “รัฐอิสระโบคา”

อย่างไรก็ตาม เบนฟิก้าไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ได้ประตูไล่มา 2-1 จากจุดโทษของ อังเคล ดิ มาเรีย ก่อนที่โอตาเมนดี้จะโหม่งประตูสำคัญในนาทีสุดท้ายจากลูกเตะมุม ทำเอาผู้เล่นเบนฟิก้าทั้งทีมดีใจกันแบบลืมเหนื่อยกลางอากาศร้อนจัด

บรรยากาศก่อนเกม – แฟนโบคาจัดเต็ม

ก่อนเกม แฟนโบคาหลายพันคนหลั่งไหลเข้ามาในสนาม พร้อมเสื้อทีมสีฟ้า-เหลืองชื่อ “ริเกลเม”, “คาวานี่”, “คาร์ลิทอส” และร่วมปาร์ตี้ริมชายหาดในวันก่อนหน้า แม้จะมีแบนเนอร์ล้อเลียนจากแฟนริเวอร์เพลทเรื่องความพ่ายแพ้ในโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส 2018 ก็ตาม

เกมในสนาม – วัฒนธรรมฟุตบอลปะทะโลกบันเทิง

การดวลกันของโบคาในฐานะตัวแทนของฟุตบอลแบบรากหญ้า, ความคลั่งไคล้ และประวัติศาสตร์ ปะทะกับเบนฟิก้าในเวทีของฟีฟ่าที่ถูกมองว่า “พลาสติก” และเพื่อการตลาด เป็นภาพสะท้อนความแตกต่างที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม เกมนี้กลับเต็มไปด้วยพลังของ “ฟุตบอลจริง” ทั้งจากฝั่งนักเตะและแฟนบอล โดยเฉพาะโบคาที่เล่นเกมรับแบบดุดัน เดินชน เข้าเสียบ แบบไม่เหลือพื้นที่ให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นง่าย ๆ

ผลเสมอนี้มีนัยสำคัญ

ผล 2-2 ทำให้ทั้งโบคาและเบนฟิก้าต้องลุ้นหนักในนัดต่อไป เพื่อเบียดกับ บาเยิร์น มิวนิก แย่งโควต้าสู่รอบน็อกเอาต์

แม้ทัวร์นาเมนต์นี้จะถูกวิจารณ์ว่าเป็น “โชว์ดูดพลังจากวัฒนธรรมฟุตบอลจริง” แต่เกมนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ความศรัทธาและพลังของแฟนบอลอย่างโบคา ยังสามารถเปลี่ยนสนามกลางในอเมริกาให้กลายเป็นบ้านของพวกเขาได้อย่างแท้จริง

“โบคาอาจไม่ได้สามแต้ม แต่พวกเขาชนะใจคนดูทั่วโลก”